เจ้าหน้าที่ทหาร. พร้อมเจ้าหน้าที่ปปง. เข้าตรวจค้นอายัดทรัพย์ภายในบ้านเลขที่5/1ม.6 ต.หนองตะไก้ อ.สูงเนิน เป็นบ้านของนายสมโภชน์และภรรยา ระหว่างตรวจค้นทั้งสองอยู่ภายในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจ้งว่าการอายัดทรัพย์ครั้งนี้ใช้อำนาจตามกฎอัยการ ศึกของประกาศคสช.จากนั้นเคลื่อนย้ายรถทั้งหมดไปเก็บรักษาไว้ที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา

นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังได้ปฏิบัติการพื้นที่เป้าหมายอีก 3 จุด ประกอบด้วย1.โรงแรมอัมรินทร์  บริเวณสี่แยกสีแยกทางเข้าเขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย 2.อัมรินทร์โฮมสเตย์ อ.วังน้ำเขียว 3) 3.บ้านเลขที่ 101หมู่ที่6 ต.หนองตะไก้ อ.สูงเนิน

พ.ต.อ.สีหนาท  กล่าวว่า ปปง.เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายรวม 4 จุด  ยึดอายัดทรัพย์ได้กว่า 100 ล้านบาท  โดยสามารถยึดอายัดทรัพย์บ้านและอาคารที่เป็นโฮมสเตย์ได้รวม 5 หลัง  บัญชีเงินฝาก12 บัญชี ส่วนโฉนดที่ดินอยู่ระหว่างตรวจสอบ  นอกจากนี้ยังสามารถตรวจยึดอายัดรถที่ใช้ในการเกษตรได้หลายคัน  โดยเฉพาะที่บ้านพักของนายสมโภชน์ที่เป็นผู้เช่าที่ดินต่อจากนายอัมรินทร์ปลูกอ้อย ปปง.ตรวจพบทรัพย์สินรถยนต์หลายคันจอดไว้รอบบริเวณบ้าน  สามารถยึดอายัดทรัพย์ได้ประมาณ 30 คัน

โดยทรัพย์ทั้งหมดตรวจสอบพบว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติด้วยการเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่สาธารณะประโยชน์   เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 3 (15) กรณีทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อค้ากำไร  คดีดังกล่าวถือเป็นคดีแรกที่ปปง.ใช้อำนาจมาตราดังกล่าวจัดการกับนายทุนที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติเพื่อประโยชน์เชิงพาณิชย์ 

เลขาธิการปปง.  กล่าวต่อว่า ปปง.จะให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มนายทุนด้วยการเปิดโอกาสให้นำหลักฐานมาพิสูจน์ที่มาที่ไป  หากชี้แจงไม่ได้ต้องถูกยึดอายัดตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม สามารถนำเอกสารมาแสดงเพื่อขออนุญาตให้นำรถไปประกอบอาชีพได้ชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขกำกับ  หลังจากนี้ทรัพย์สินที่ยึดอายัดได้จะนำไปเก็บที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กองกำลังสุรนารี 

นอกจากการยึดอายัดทรัพย์กลุ่มนายทุนแล้วปปง.จะตรวจเชื่อมโยงการทำธุรกรรมทางการค้าระหว่างกลุ่มนายทุนผู้บุกรุกและพวกรวมถึงโรงงานน้ำตาลครบุรีจะเรียกเจ้าของเข้าชี้แจงเกี่ยวกับโควตาอ้อย  ซึ่งโรงงานอาจต้องมีส่วนรับผิดชอบในคดีความผิดเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์ แม้โรงงานไม่ได้บุกรุกเองแต่ได้สนับสนุนเครื่องมือทางการเกษตรให้กับชาวบ้านเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐและรับผลประโยชน์จากการส่งอ้อยไปผลิตน้ำตาล  โดยไม่สนใจว่าผลผลิตดังกล่าวได้มาจากการบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์

นายอัมรินทร์  ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ปปง. โดยยืนยันว่ามีเอกสารสิทธิ์ครอบครองที่ดินจริงทั้งนส.3 ก  สค. 1 และใบภบท. 5 โดยครอบครองที่ดินกว่า 1,700 ไร่ ซื้อจากชาวบ้านหลายรายราคาไร่ละตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท โดยไม่ทราบว่าที่ดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์  ในจำนวนนี้ได้แบ่งให้นายสมโภชน์เช่าปลูกอ้อย 1,095 ไร่ ส่วนที่เหลือประมาณ 100 ไร่ ตนปลูกเอง เพื่อส่งให้โรงงานน้ำตาล ครบุรี ขณะที่บางส่วนได้ปลูกต้นสักและยางพารา

นายสมโภชน์  ยอมรับว่าเป็นคนในพื้นที่หนองตะไก้แต่ไม่รู้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ โดยเช่าพื้นที่ปลูกอ้อยต่อจากนายอัมรินทร์ทำให้ไม่รู้ว่าเป็นที่ดินสาธาณะประโยชน์หรือไม่  ส่วนรถที่ใช้เพื่อการเกษตรที่ยึดอายัดได้จากบ้านพักของตนวันนี้เป็นรถที่โรงงานน้ำตาล ครบุรี ให้มาไว้เพื่อใช้ในกิจการดูแลและตัดอ้อย  ตนไม่ใช่เจ้าของทรัพย์